โรแบร์ตู ฟีร์มีนู บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา (โปรตุเกส : Roberto Firmino Barbosa de Oliveira ) เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก หรือกองหน้า ให้กับสโมสรหงส์แดง ลิเวอร์พูล และทีมชาติบราซิล

หลังจากเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรฟีเกย์เร็งซี ใน ค.ศ.2009 โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ได้ย้ายไปเล่นให้กับ สโมสรฮ็อฟเฟินไฮม์เป็นระยะเวลา 4 ฤดูกาลครึ่ง ฤดูกาล 2013–2014 ในบุนเดิสลีกา  เขาทำได้ 16 ประตู จากการลงเล่น 33 นัด ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของลีก และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เขาได้เซ็นสัญญากับสโมสรลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก การทำงานหนักของเขา การสร้างสรรค์เกม และการทำประตู ทำให้โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ได้รับการชื่นชมจากทางสโมสรลิเวอร์พูล ซึ่งผู้จัดการทีมอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวถึงฟีร์มีนูว่าเป็นเสมือน “เครื่องจักร” ที่ช่วยขับเคลื่อนการเล่นเกมสวนกลับของทีม ต่อมาในฤดูกาล 2018–2019 เขาพาทีมชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และในฤดูกาลถัดมา เขาก็พาทีมชนะเลิศยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี ของลิเวอร์พูล

ฟีร์มีนูลงเล่นครั้งแรกให้กับทีมชาติบราซิล ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 และเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันโคปา อเมริกา 2015, ฟุตบอลโลก 2018 และโคปา อเมริกา 2019 ซึ่งเขาได้พาทีมชาติบราซิลชนะเลิศ

การมาร่วมทีมกับลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2015-2016

วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ.2015 โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ติดทีมชาติบราซิล ชุดลุยศึกโคปา อเมริกา 2015 สโมสรลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัวฟีร์มีนู จากฮ็อฟเฟินไฮม์ ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,450 ล้านบาท พร้อมทั้งมีค่าเหนื่อยอีก กว่า 1 แสนปอนด์ หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อสัปดาห์

วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.2015 โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ลงเล่นให้กับ หงส์แดง เป็นนัดแรกโดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทน จอร์ดอน ไอบ์ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี้ ที่ บริแทนเนีย สเตเดียม ด้วยสกอร์ 1-0 และในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า และสามารถทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดียม ด้วยสกอร์ 4-1 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ ทำแต้มเสมอกับ อาร์เซนอล ด้วยสกอร์ 3-3 ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2016 ฟีร์มีนู ยิงได้อีก 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริช ซิตี้ ที่ แคร์โรว์โรด 5-4 และในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ ทำแต้มเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 2-2 และในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ.2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 3-0 ต่อมา ในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.2016 เขาทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ที่ เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1 ต่อมา วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ.2016 ศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในยูฟ่า ยูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–2016 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ คู่ปรับตลอดกาล ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 และ ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ.2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 9 ในศึกพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่ วิตาลิตี้ สเตเดียม 2-1 ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 เขาทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด ด้วยสกอร์ 2-0

ฤดูกาลปัจจุบัน 2021-2022

วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ.2021 โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–2022 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริช ซิตี้ ที่ แคร์โรว์โรด ด้วยสกอร์ 3-0 ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B ฟีร์มีนู ยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส ด้วยสกอร์ 5-1 และในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.2021 ฟีร์มีนู ทำแฮตทริกในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่ วิคาริจโรด ด้วยสกอร์ 5-0

วันที่ 9 มกราคม ค.ศ.2022 ศึกเอฟเอคัพ รอบ 3 ฟีร์มีนู ทำประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ชรูส์บรีทาวน์ ด้วยสกอร์ 4-1 ช่วยให้ หงส์แดง ผ่านเข้ารอบ 4 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 3 ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะทีมจากอิตาลี อินเตอร์ มิลาน  2-0 ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.2022 โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่ เอมิเรตส์ สเตเดียม ด้วยสกอร์ 2-0

การร่วมทีมชุดใหญ่ ศึกฟุตบอลโลก 2018

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2018 ทีมชาติบราซิลได้เรียกตัวโรแบร์ตู  ฟีร์มีนู ให้มาร่วมลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โดย ทีมชาติบราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย สุดท้าย ทีมชาติบราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 และในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟีร์มีนูสามารถทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เม็กซิโก ด้วยสกอร์ 2-0 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายให้กับ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้

รางวัลส่วนตัว